ผู้เขียน หัวข้อ: สัตววัตถุ เเมงมุม  (อ่าน 256 ครั้ง)

Saiswatka

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2238
    • ดูรายละเอียด
สัตววัตถุ เเมงมุม
« เมื่อ: มกราคม 05, 2018, 04:18:03 pm »

แมงมุม
แมงมุมเป็นชื่อเรียกสัตว์จำพวกแมงหลายชนิดในวงศ์ ทุกประเภทจัดอยู่ในชั้น  Araneae  มีชื่อสามัญว่า spider กินสัตว์เป็นของกิน มีขนาดนานับประการตามแต่จำพวก  พวกที่ครั้งขนาดเล็กอาจมีลำตัวยาวเพียง ๐.๗  เซนติเมตร ส่วนพวกที่มีขนาดใหญ่อาจมีลำตัวยาวถึง ๙ เซนติเมตร พวกที่พบตามบ้านช่องแล้วก็ก่อความเปรอะเปื้อนรุงรังมักเป็นแมงมุมที่อยู่สกุล Pholcus หลายชนิด (วงศ์  pholcidae )
แมงกับแมลง
ในทางกีฏวิทยา คำ “แมง” กับ “แมลง” สื่อความหมายต่างกัน รวมทั้งมักเรียกงงมากกัน คำ “แมง”ใช้เรียกชื่อสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังหลากหลายประเภท ซึ่งเมื่อเจริญเติบโตเต็มกำลังแล้ว  ลำตัวแบ่งออกได้เป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนหัวกับอกรวมเป็นส่วนเดียวกันส่วนหนึ่งส่วนใด กับส่วนท้องอีกส่วนหนึ่งส่วนใด มีขา ๘  หรือ ๑๐ ขา ไม่มีหนวด ไม่มีปีก ดังเช่นว่า แมงมุม  แมงป่อง แมงดาทะเล ส่วนคำ “แมลง” ใช้เรียกชื่อสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังหลายอย่าง ซึ่งเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว  ลำตัวแบ่งออกได้เป็น ๓ ส่วนอย่างเห็นได้ชัดเป็นท่อนหัว ส่วนอก และก็ส่วนท้อง  มีขา ๖ ขา เป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังเพียงพวกเดียวที่มีปีก อาจมีปีก ๑ หรือ ๒ คู่  หรือเปล่ามีปีกเลยก็ได้ เป็นสัตว์ที่มีมากมายประเภทที่สุดในโลก อาทิเช่น แมลงสาบ แมลงวัน
ชีววิทยาของแมงมุม
แมงมุมมีลำตัวแบ่งออกเป็น  ๒  ส่วน  ส่วนหัวกับส่วนอกติดกันเป็นส่วนเดียวคลุมด้วยแผ่นแข็งทั้งข้างหลังและก็ด้านล่าง มีตาเล็กๆข้างละหลายตา ลางจำพวกอาจมีได้ถึง  ๘  ตา อยู่ใกล้ๆกัน  (ยกเว้นแมงมุมลางจำพวกที่ไม่มีตา ซึ่งมักเป็นแมงมุมที่อาศัยอยู่ในที่มืด เป็นต้นว่าในถ้ำ)  ที่ปากมีเขี้ยวเป็นอวัยวะคู่  มีรูปร่างเหมือนปากคีบหรือคีมคีบใช้หนีบ  จับ  หรือยึดเหยื่อเป็นอาหารได้  มีบ้องฐานข้อเดียว ส่วนปลายอาจมีรูปล่อยพิษซึ่งเชื่อมต่อถึงต่อมพิษที่ฐานปาก  นอกจากนี้ที่ปากยังมีอวัยวะคู่ทรงคล้ายขา แต่ว่าสั้นกว่าและมักแบนกว่า (มักเจริญก้าวหน้าดีรวมทั้งเห็นได้ชัดในตัวผู้ที่ยังไม่โตเต็มกำลังแล้วก็ในตัวเมีย) แมงมุมไม่มีหนวด  มีขา ๔ คู่  ที่ขามักมีส่วนประกอบพิเศษให้ใช้ถักใยได้ ดังเช่น มีแผ่นแบนอยู่ระหว่างง่ามเล็บ ส่วนท้องบางทีอาจกลมหรือยาวสุดแต่ชนิดของแมงมุมที่ปลายมีท่อเป็นรูเปิดสำหรับปลดปล่อยใยได้  บริเวณข้างล่างของส่วนท้องข้อที่  ๒  รวมทั้ง ๓ มีอวัยวะทำหน้าที่เป็นจมูกสำหรับหายใจ ซึ่งมักเป็นช่อง ข้างในมีแผ่นบางๆเรียงทับกันเหมือนกระดาษหนังสือ แมงมุมส่วนมากที่คนประเทศไทยมองเห็นนั้น  มักเป็นชนิดถักใยขวางทางผ่านของสัตว์เพื่อจับรับประทานเป็นอาหาร เมื่อมีสัตว์มาติดใยรวมทั้งดิ้นรน  แรงสะเทือนจะไปถึงตัวแมงมุมเจ้าของรัง แมงมุมซึ่งมีสายตาไม่ดีก็จะติดตามแนวทางของแรงกระเทือนนั้นเข้าหาเหยื่อ กัดเหยื่อ รวมทั้งปล่อยน้ำพิษทำให้เหยื่อสลบ  ก่อนจะกินเป็นอาหาร
แมงมุมในประเทศไทย
แมงมุมที่เจอในประเทศไทยมีมากมาย  จัดอยู่ในหลายตระกูล  แม้กระนั้นทุกสกุลจัดอยู่ในอันดับเดียวกัน  คือ  Araneae  จำพวกที่พบในประเทศไทยนั้น  โดยมากไม่มีพิษแรงถึงกับกัดคนให้เจ็บปวดหรือตายได้  ตัวอย่างเช่น
๑.แมงใย หรือ ตัวใยแมงมุม  เป็นแมงมุมที่เจอตามบ้านเมืองและถักใยกระทั่งดูเลอะเทอะรวมทั้งรุงรัง  มักเป็นพวกที่จัดอยู่ในสกุล  Pholcus หลากหลายประเภท (วงศ์ Pholcidae )  แมงมุมเหล่านี้มักมีลำตัวสีน้ำตาลหรือสีเทาทึบ ข้างหลังท้องสีมักเข้ม ลางประเภทมีลาย จำนวนมากมีลำตัวยาว ๔-๕  มิลลิเมตร ขายาวกว่าลำตัวมากมาย เป็นยาวราว ๕-๖ ซม.  ทำให้ดูโย่งเย่งแล้วก็เปราะบาง  ก็เลยมีชื่อสามัญว่า  daddy  long-leg  spider  คนประเทศไทยลางถิ่น เรียก แมงมุมเถ้าถ่าน เพราะเหตุว่าถักใยทำให้รุงรังและก็มีฝุ่นละอองหรือขี้เถ้ามาติด หยากไย่ที่แมงมุมพวกนี้ถักทอเอาไว้ภายในบ้าน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครัว  หรือที่อยู่ใกล้เตาไฟ ซึ่งมีขี้เขม่าไฟหรือเถ้าถ่านติดอยู่ร่วมกัน แพทย์โบราณใช้เป็นเครื่องยา เรียก หญ้ายองไฟ
๒.แมงมุมทำหลาว เป็นแมงมุม พวกที่ถักใยนอกบ้าน  พบได้มากตามแปลงพืชหรือตามเรือกสวนไร่  เป็นแมงมุมที่จัดอยู่ในสกุล  Tetragnatha  หลายอย่าง  (สกุล Tetragnathidae ) ซึ่งชาวบ้านเรียก แมงมุมทำหลาว  เพราะเหตุว่าเมื่อสะดุ้ง  แมงมุมพวกนี้จะวิ่งไปหลบอยู่หลังใบไม้  ยื่นขา ๒ คู่แรกไปข้างหน้า ขาคู่ที่ ๔ ยื่นไปข้างหลังอยู่ในระดับเดียวกับลำตัว ขาคู่ที่ ๓ ใช้ยึดเกาะยืนตั้งฉากกับลำตัว ดูเหมือนคนที่จัดแจงพุ่งหลาวลงน้ำ แมงมุมเหล่านี้ดักจับเพลี้ยจักจั่นรับประทานเป็นของกิน จัดเป็นสัตว์ที่มีคุณประโยชน์ต่อเกษตรกร
๓.แมงมุมก๋า หรือ ตัวก๋า มีชื่อวิทยาศาสตร์  Heteropodae  venatoria  (Linnaeus ) จัดอยู่ในวงศ์ Sparassidae  มีชื่อสามัญว่า  banana  spider ( เพราะเหตุว่ามักพบแมงมุมก๋านี้ในโรงเก็บของเก็บกล้วย ) เป็นแมงมุมขาดกึ่งกลาง ตัวผู้ลำตัวยาว ๑.๕-๒  ซม.  ตัวเมียมีลำตัวยาว  ๒.๕-๓ เซนติเมตร ขายาว ๕-๖ ซม. หัวกระทรวงอุตสาหกรรมขา แล้วก็ท้องสีน้ำตาล  ตาสีคล้ำ  ที่หลังอกมีแถบสีดำครึ้มพิงตามแนวขวางด้านหน้า และแถบเป็นง่ามคล้ายรูปตัววี (V) ด้านปลายอีก ๑ แถบที่สันหลังท้องมีเส้นสีน้ำตาลแก่พิงมาถึงตรงกลาง  อาจพบจุดสีน้ำตาลแก่เป็นลายด้านข้าง ข้างละ ๔-๕ จุด  มีขนสีน้ำตาลอ่อนรอบๆหน้าและก็ขา  ทำให้ดูน่าสยดสยอง แมงมุมชนิดนี้ไม่ถักใย  ออกหากินโดยการจับเหยื่อโดยตรง  เจออาศัยอยู่ตามบ้านเรือนหรือตามคลังสินค้า เป็นแมงมุมที่มีประโยชน์  ด้วยเหตุว่าถูกใจกินแมลงสาบ
๔.แมงมุมมดแดง  มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Myrmarachne  formicaria  Linnaeus  จัดอยู่ในตระกูล  Salticidae เป็นแมงมุมจำพวกที่มีรูปร่างเลียนแบบสัตว์อื่น  พบได้บ่อยแล้วก็มีชุกตามจังหวัดชายหาด  ดังเช่น  ชลบุรีหรือระยอง มีรูปร่าง   ขนาด  และสีสันใกล้เคียงกับมดแดง  แล้วก็ถูกใจอาศัยปะปนอยู่กับมดแดง แต่ว่าแตกต่างกันตรงที่เมื่อแมงมุมพวกนี้กระโจน  จะถักใยทิ้งตัวเพื่อโยกย้ายได้  เมื่อสังเกตอย่างรอบคอบขมักเขม้น จะพบว่าปริมาณขาและลักษณะอื่นๆแตกต่างจากมดแดง

คุณประโยชน์ทางยา
หมอแผนไทยรู้จักใช้ “ต้นหญ้ายองไฟ”และ “แมงมุมตายซาก” เป็นเครื่องยาด้วย  ดังต่อไปนี้
๑.หญ้ายองไฟ  หมอแผนไทยรู้จักใช้หยากไย่แมงมุมเหนือเตาไฟในครัวของบ้านไทยในชนบทอดีตสมัย (เตาไฟใช้ฟืนใช้ถ่าน)  หยากไย่แมงมุมที่มีเขม่า ขี้เถ้า  และก็ฝุ่นเกาะอยู่ด้วยนี้ แพทย์โบราณเรียก  ต้นหญ้ายองไฟ  ลางตำราเรียนเรียกเป็น  หยากไย่ไฟ  หรือ  หยักไย่ไฟ  ก็มี  ใช้เป็นเครื่องยาอย่างหนึ่ง
สมุนไพร ตำราคุณประโยชน์ยาโบราณว่า  ต้นหญ้ายองไฟมีรสเค็ม  ขื่น  มีสรรพคุณแก้เลือด  ฟอกเลือด  กระจัดกระจายเลือดอันเป็นลิ่มเป็นก้อน  ขับโลหิตระดู
แบบเรียนยาไทยหลายขนานเข้า “หญ้ายองไฟ”  เป็นเครื่องยาอย่างหนึ่ง  ในที่นี้ขอยกตัวอย่างยา  ๒  ขนาน ขนานแรกเป็นยาแก้กษัยอันเกิดเพื่อโชธาตุชื่อ “สันตัปปัคคี” ซึ่งบันทึกเอาไว้ภายในพระตำราไกษย  ดังต่อไปนี้ ขนานหนึ่งเล่า  หากมันให้จุกเสียดปวดขบเปนกำลัง  ให้เอาพริกเทศ  ๑๐๘  เม็ด  พริกล่อน  ๑๐๘  เม็ด  ผักกะซึมซับเอาทั้งต้นรากใบลูกเอาสิ่งละ ๑ บาท  หญ้าไซย้อย  ๑  หญ้าไซแห้ง ๑ เอาสิ่งละ ๑ บาท  ต้นหญ้ายองไฟ  ๑  บาท  ไพลแห้ง  ๑  บาท  ตำเปนผง  ละลายน้ำเหล้าน้ำส้มซ่าน้ำขิงน้ำมะนาวน้ำกระเทียมก็ได้  ยักน้ำกระสายให้ถูกใจโรคนั้นเหอะ อีกขนานหนึ่งเป็นยาขับโลหิตของสตรีซึ่งมีบันทึกไว้ใน  พระคัมภีร์มหาโชตรัต ดังต่อไปนี้ อนึ่งเอาสหัศคุณเทศ ๑   แก่นแสมทเล  ๑  ต้นหญ้ายองไฟ  ๑  ขมิ้นอ้อย  ๑  บดละลายสุรารับประทาน  ใหขับโลหิตดีนักแล ตำรับยาลางขนาน  ผู้ครอบครองตำรับบางทีอาจเขียนตัวยาไว้เป็นปริศนาให้ตีความกันเอาเอง  เป็นต้นว่า  ยาแก้บิดขนานหนึ่ง  ผู้ครอบครองยาให้ตำรับยาไว้ว่า “ลุกใต้ดิน  รับประทานท่า  อยู่หลังคา  ขี้คารู  คู่อ้ายบ้า”  ซึ่งก็คือ “รากเจตมูลเพลิงเเดง  ๑  ผักเป็ด ๑  หญ้ายองไฟ ๑  คนติดยาฝิ่น  ๑  เหล้าเป็นน้ำกระสาย”
๒. แมงมุมตายซาก  แพทย์แผนไทยใช้แมงมุมที่ตายแล้วซากแห้งสนิท  ไม่เหม็นและไม่ขึ้นรา  เป็นเครื่องยาในยาไทยโบราณหลายขนาน  เช่น  “ยานากพด”  ซึ่งมีบันทึกเอาไว้ในพระตำราปฐมจินดาร์  ดังนี้ ยาชื่อนากพด  ท่านให้เอาใบหนาด  ๑  พริกไท  ๑  เบี้ยจั่นเผา  ๑  ขิง ๑  รังหมาร่าเผา  ๑  แมงมุมตายซาก  ๑  ลำพัน  ๑  รวมยา  ๗  สิ่งนี้เอาเท่าเทียมกัน  บดทำแท่งไว้  แก้ทรางทั้งผอง  แก้ละอองพระบาท  แก้ตะพั้น  อีกทั้งรับประทานทั้งยังชะโลมดีนัก

 

Sitemap 1 2 3