ผู้เขียน หัวข้อ: โรคมะเร็ง-อาการ-สาเหตุ-การรักษา-การรักษา-วิธีการป้องกัน-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 232 ครั้ง)

kkthai20009

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2548
    • ดูรายละเอียด

โรคมะเร็ง (Canaer)

  • โรคมะเร็งเป็นอย่างไร โรคมะเร็ง คือ โรคที่มีความผิดธรรมดาของเซลล์ในอวัยวะต่างๆของร่างกาย โดยมีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมของเซลล์ นำมาซึ่งเป็นเซลล์ของมะเร็งที่มีการเติบโตอย่างเร็วโดยไม่อยู่ภายใต้การควบคุมที่เหมาะสม ผลสรุปคือ การเกิดเป็นก้อนเนื้อมะเร็งที่เติบโตรบกวนหลักการทำงานของเซลล์ปกติในอวัยวะ ยิ่งไปกว่านี้ยังสามารถแพร่กระจายแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นได้โดยผ่านระบบกระแสเลือดหรือน้ำเหลืองของพวกเราเป็นตัวน้ำอสุจิ มะเร็งอาจมีความต่างได้มากมาย ตามตำแหน่งของอวัยวะที่เป็นต้นกำเนิดของโรคมะเร็ง และก็ชนิดของเนื้อเยื่อที่อยู่ข้างในอวัยวะนั้นๆโดยอวัยวะที่มีการตรวจพบเซลล์ของมะเร็ง ยกตัวอย่างเช่น โรคมะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งเม็ดเลือดขาวโรคมะเร็งสมอง โรคมะเร็งปากมดลูก มะเร็งไส้ มะเร็งกล่องเสียง โรคมะเร็งผิวหนัง มะเร็งรังไข่ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านม โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งกระดูก มะเร็งหลอดของกิน โรคมะเร็งลิ้น โรคมะเร็งช่องปากรวมทั้งลำคอ โรคมะเร็งท่อน้ำดีและถุงน้ำดี โรคมะเร็งหลอดลม มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ โรคมะเร็งตับอ่อน โรคมะเร็งไต โรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ มะเร็งโพรงมดลูก และก็โรคมะเร็งพบได้บ่อยในเด็กไทย เรียงจากขั้นแรก 4 ลำดับ อย่างเช่น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคมะเร็งสมอง และโรคมะเร็งนิวโรบลาสโตมา
  • สิ่งที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง มีเหตุมาจากสภาพแวดล้อมหรือ ด้านนอกร่างกาย ซึ่งในตอนนี้เชื่อกันว่าโรคมะเร็ง จำนวนมาก เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากสาเหตุอาทิเช่น
  • สารก่อโรคมะเร็งที่ปนเปื้อนในอาหารและเครื่องดื่ม ยกตัวอย่างเช่น สารพิษจาก เชื้อราที่มีชื่อ อัลฟาทอกสิน (Alfatoxin) สารก่อโรคมะเร็งที่เกิดจากการปิ้ง ย่าง พวกไฮโดคาร์บอน (Hydrocarbon) สารเคมีที่ใช้ในวิธีการรักษาอาหาร ชื่อไนโตรซาไม่น (Nitosamine) สีผสมอาหารที่มาจากสีย้อมผ้า
  • บุหรี่ เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง การสูบยาสูบหรือการอยู่ในรอบๆที่มีควันที่เกิดจากบุหรี่ นำมาซึ่งการทำให้เป็นโรคมะเร็ง และโรคระบบทางเดินหายใจต่างๆและก็เสียชีวิตได้
  • แอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก ได้โอกาสเป็นมะเร็งในช่องปาก คอ หลอดอาหาร แล้วก็กล่องเสียงได้ ยิ่งกว่านั้นแอลกอฮอล์ยังไปทำลายตับ แล้วก็มีโอกาสเป็นมะเร็งตับได้
  • ฮอร์โมน หญิงที่ใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนควบคุมอาการร้อนวูบวาบ หรืออาการเสื่อมของกระดูก ซึ่งชอบเกิดในวัยหมดระดู จากการศึกษาพบว่า การใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้ได้โอกาสเป็นมะเร็งมดลูก รวมทั้งโรคมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้น
  • รังสี รังสีเอกซเรย์ที่ใช้สำหรับการวินิจฉัยโรค เพิ่มอัตราเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้ แม้จะมีจำนวนเพียงแค่เล็กๆน้อยๆ แม้กระนั้นหากได้รับรังสีบ่อยๆกันหลายๆครั้ง อาจจะทำให้ได้รับอันตรายได้
  • แสงอุลตร้าไวโอเล็ต แสงสว่างจากพระอาทิตย์ หรือจากแหล่งอื่นๆบางทีอาจทำลายผิวหนังแล้วก็นำมาซึ่งการก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ เพราะฉะนั้นควรต้องหลีกเลี่ยงการเช็ดกแสงอาทิตย์ในช่วงเวลา 11.00-15.00 น. เพราะเหตุว่าเป็นช่วงที่แสงแดดแรงจัด
  • มีต้นเหตุจากความเปลี่ยนไปจากปกติภายในร่างกาย ซึ่งมีเป็นส่วนน้อย ดังเช่น เด็กที่มีความพิกลพิการ มาแม้กระนั้น กำเนิดได้โอกาสเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว เป็นต้น การมีภูมิต้านทานที่บกพร่องและก็สภาวะ ทุพโภชนาการ ยกตัวอย่างเช่น การขาดไวตามินบางจำพวก อาทิเช่น ไวตามินเอ ซี


รวมทั้งมูลเหตุด้านกรรมพันธุ์ โรคมะเร็งบางชนิด ตัวอย่างเช่น โรคมะเร็งเต้านม โรคมะเร็งรังไข่ รวมทั้งมะเร็งไส้ มีทิศทางเกิดขึ้นได้กับบุคคลภายในครอบครัวที่มีประวัติเป็นโรคมะเร็งดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นสิ่งที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งที่หลักๆในตอนนี้ เช่น

  • มะเร็งที่ผิวหนัง ปัจจัยเป็นผลมาจากถูกแสงอาทิตย์หรือแสงอุลตราไวโอเลตแล้วก็มีต้นเหตุมาจากพวกสารหนู หรือการรักษาโดยใช้ยาที่เข้าน้ำมันดิน ยาไทย-จีน ซึ่งน้ำมันดินเป็นองค์ประกอบ สำหรับเล็บและขน ไม่เป็นโรคมะเร็ง
  • มะเร็งที่ปอด สาเหตุเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากหายใจในอากาศที่ไม่บริสุทธิ์ มีฝุ่นที่มีสารพวกไฮโดรคาร์บอน ดังเช่น ควันดำจากท่อไอเสียรถยนต์ หรือคราบเขม่าจากโรงงาน สำหรับยาสูบ ส่งผลนำไปสู่มะเร็งปอดได้
  • มะเร็งที่ช่องปาก มักจะมีต้นเหตุจากการระคายเคืองเรื้อรัง ได้แก่ กินเหล้าเพียวๆกินหมาก แล้วรักษาสุขภาพไม่สะอาดด้วย แล้วก็ที่สำคัญเป็นยาฉุน การเคี้ยวอาหารแล้วมีการเคือง เป็นต้นว่า ฟันเก หรือใส่ฟันปลอมไม่กระชับ ทำให้เป็นแผลเล็กๆจนถึงเป็นโรคมะเร็งได้
  • โรคมะเร็งที่หลอดอาหาร ส่วนมากเกิดขึ้นจากการระคายเคืองเรื้อรัง การกินของร้อน ดังเช่นว่า จิบชา กาแฟร้อนๆ
  • มะเร็งที่กระเพาะอาหาร โดยมากเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากสารไนโตรซามีนส์ อาทิเช่น ทานอาหารพวกโปรตีนหมัก สารที่เข้าดินประสิวที่ใช้เพื่อทำให้เนื้อมีสีแดง เนื้อเปื่อย รวมทั้ง ดี.ดี.ครั้ง.ซึ่งเมื่อเข้าไปภายในร่างกายแล้ว มันจะเปลี่ยนเป็นไดเมธิลไนโตรซามีนส์ พวกที่รับประทานผักที่มี ดี.ดี.หน. นอกเหนือจากที่จะตายจาก ดี.ดี.หน. แล้ว ยังบางทีอาจตายจากมะเร็งได้อีกด้วย
  • โรคมะเร็งที่ลำไส้เล็ก-ใหญ่ ปัจจัยคล้ายคลึงกันกับโรคมะเร็งที่กระเพาะอาหาร
  • โรคมะเร็งที่เต้านม ต้นสายปลายเหตุมีต้นเหตุที่เกิดจากเชื้อไวรัส แต่ก่อนมั่นใจว่ามีต้นเหตุจากด้านเชื้อชาติแล้วก็การกระทบชนที่เต้านม
  • มะเร็งที่ตับ สาเหตุเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากไนโตรซามีนต์ อะฟล่าท็อกซิน และจากพยาธิใบไม้ในตับ รวมทั้งจากโรคตับแข็ง
  • มะเร็งปากมดลูก มีเหตุที่เกิดจากไวรัส และก็จากการระคายเคืองเรื้อรัง ได้แก่ คนที่ออกลูกบ่อยๆร่วมเพศบ่อยๆหรือผู้ที่เป็นหญิงงามเมือง รวมทั้งผู้ที่ไม่รักษาความสะอาดรอบๆอวัยวะเพศ
  • มะเร็งของกระเพาะปัสสาวะ โดยมากมีสาเหตุมาจากบุหรี่ สีย้อมผ้าที่ใช้ผสมของกิน นอกจากนั้นพวกโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (ลิวคีภรรยา), โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (ลิมโฟม่า) ก็มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสด้วยเหมือนกัน
  • ลักษณะของโรคมะเร็ง สำหรับในขั้นแรกของการเกิดโรคมะเร็งขึ้นภายในร่างกายนั้นกล่าวได้ว่าแทบจะไม่มีอาการอะไรส่อเค้า หรือบอกให้ผู้เจ็บป่วยทราบได้เลยว่ากำลังพบเจอกับโรคมะเร็งนี้อยู่ ทำให้กว่าที่จะรู้ตัวก็สายเกินแก้ เมื่อเป็นประสักระยะหนึ่ง ผู้ที่มีอาการป่วยเป็นโรคมะเร็งส่วนมากชอบเริ่มรู้สึกเหน็ดเหนื่อยง่าย ไม่อยากกินอาหาร กินอาหารได้ลดลง อิ่มเร็ว ผอมบางซูบ น้ำหนักลด ร่างกายเริ่มมองย่ำแย่ลง ไม่สดชื่นแคล่วคล่องว่องไวดังเดิม แล้วก็เมื่ออยู่ในระยะที่มะเร็งเริ่มแพร่กระจายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆก็จะเริ่มปรากฏอาการอย่างเห็นได้ชัดในระยะนี้ จะรู้สึกปวดแล้วก็ทรมานเป็นอย่างมากตามจุดต่างๆที่เกิดมะเร็งขึ้น ทั้งนี้จะมีลักษณะอาการมากน้อยอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับโรคมะเร็งที่เป็นว่าเป็นมะเร็งประเภทใด ชนิดไหน แล้วก็ผู้กระทำระจายของเซลล์มะเร็งภายในนั้นไปเบียดบังอวัยวะส่วนใดบ้าง


  • ไอมีเสลดคละเคล้าเลือด เป็นลักษณะของโรคโรคมะเร็งปอด
  • ไอเรื้อรังและมีเสียงแหบ เป็นลักษณะของโรคโรคมะเร็งกล่องเสียงหรือโรคมะเร็งปอดโดยไม่มีลักษณะของหวัดเป็นจับไข้ มีน้ำมูก และมีเสลดมาก่อนหน้า
  • ลูบคลำก้อนถึงที่เหมาะเต้านมหรือที่อื่นของร่างกายที่ไม่เคยลูบคลำได้มาก่อนเป็นอาการของโรคมะเร็งเต้านมและเร็งอื่น
  • อึทุกข์ยากลำบาก ท้องผูกสลับกับท้องเดิน เป็นลักษณะของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีลักษณะตลอดมากกว่า 2 สัปดาห์ ร่วมกับน้ำหนักลด
  • มูกหรือเลือดออกทางทวารหนักหรือช่องคลอด เป็นอาการของมะเร็งทางนรีเวช ได้แก่ โรคมะเร็งปากมดลูก หรือ มะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนไส้ตรง
  • เยี่ยวมีเลือดปน บางทีอาจเป็นลักษณะโรคโรคมะเร็งทางเดินปัสสาวะ ตัวอย่างเช่น กระเพาะปัสสาวะต่อมลูกหมาก
  • น้ำหนักน้อยลงโดยไม่มีปัจจัย
  • ไข้เรื้อรัง ไข้ที่เป็นมายาวนานกว่า 1 สัปดาห์ เป็นลักษณะของโรคมะเร็งเม็ดเลือดหรือต่อมน้ำเหลือง
  • ปวดเรียกตัวหรือที่กระดูก โดยเฉพาะลักษณะของการปวดที่ต่อเนื่อง แล้วก็มีลักษณะอาการปวดตอนกลางคืนเป็นอาการของมะเร็งแพร่เข้ากระดูกได้
  • หมดแรง เบื่อข้าว เป็นลักษณะของมะเร็งระบบทางเดินอาหาร อย่างเช่น กระเพาะลำไส้ใหญ่ ตับอ่อน หรือเป็นแค่อาการที่เกิดขึ้นจากมะเร็งชนิดอื่นๆ


โดยธรรมดาโรคมะเร็งมี 4 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1-4 ซึ่งทั้ง 4 ระยะ ส่วนโรคมะเร็งระยะศูนย์ (0) ยังไม่จัดเป็นโรคโรคมะเร็งอย่างแท้จริง เพราะว่าเซลล์เพียงแค่มีลักษณะเป็นโรคมะเร็ง แม้กระนั้นยังไม่มีการรุกราน (Invasive) เข้าเนื้อเยื่อข้างๆ

  • ระยะที่ 1: ก้อนเนื้อหรือแผลมะเร็งมีขนาดเล็ก ยังไม่แผ่ขยาย
  • ระยะที่ 2: ก้อนหรือแผลโรคมะเร็งขนาดใหญ่ขึ้น เริ่มแผ่ขยายภายในเยื่อหรืออวัยวะ
  • ระยะที่ 3: ก้อนหรือแผลมะเร็งขนาดใหญ่ขึ้น เริ่มแพร่กระจายขาดทุนเยื่อหรืออวัยวะข้างเคียง แล้วก็ขยายเข้าต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้เนื้อเยื่อหรืออวัยวะที่เป็นโรคมะเร็ง
  • ระยะที่ 4: ก้อนหรือแผลโรคมะเร็งขนาดโตมากมาย ซึ่งขยายขาดทุนเยื่อหรืออวัยวะข้างเคียง จนกระทั่งทะ ลุ และเข้าต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้ก้อนมะเร็ง โดยพบต่อมน้ำเหลืองโตคลำได้ แล้วก็/หรือ แพร่ระบาดเข้ากระแสโลหิต หรือสายน้ำเหลือง ไปยังเยื่อ/อวัยวะที่อยู่ไกลออกไป ตัวอย่างเช่น ปอด ตับ สมอง กระดูก ไขกระดูก ต่อมหมวกไต ต่อมน้ำเหลืองในช่องท้อง ในช่องอก ต่อมน้ำเหลืองเหนือกระดูกไหปลาร้า
  • ปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลให้เกิดโรคมะเร็ง ที่ สำคัญ มี 2 ข้อ


ข้อ แรกหมายถึงเหตุจากสภาพแวดล้อมภายนอกร่างกาย เป็นต้นว่า สารก่อมะเร็งที่ปนเปื้อน ในอาหาร อากาศ เครื่องดื่ม ยารักษาโรค เป็นต้น รวมถึงการได้รับรังสี เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย และพยาธิบางจำพวก
ข้อลำดับที่สอง คือ ดังเช่นว่าปัจจัยภายในร่างกาย อาทิเช่น ความเปลี่ยนไปจากปกติทางพันธุกรรม ความบกพร่องของระบบภูมิคุ้มกัน แล้วก็ภาวะทุพโภชนา ฯลฯ   
 
ด้วยเหตุผลดังกล่าวคนที่มีความเสี่ยงต่อการ เป็นโรคมะเร็งคือคนที่มีความประพฤติปฏิบัติดังนี้
ผู้ที่ดูดบุหรี่  อีกทั้งยาสูบมวนเอง ซิการ์ กล้องยาสูบ หรือการบดยาสูบ จะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดเป็นโรคโรคมะเร็งปอด โรคมะเร็งในโพรงปาก กล่องเสียง โรคมะเร็ง หลอดของกิน มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ แล้วก็โรคมะเร็งของตับอ่อน
ผู้ที่ดื่มสุราเป็นประจำ สามารถนำมาซึ่งการก่อให้เกิดตับอักเสบและก็ตับแข็ง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งตับตามมา นอกจากนั้น เหล้ายังเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งในช่องปากรวมทั้งคอ
คนที่ติดเชื้อโรค เชื้อไวรัสบางประเภท ตัวอย่างเช่น   ไวรัสตับอักเสบจำพวกบีรวมทั้งซี มีความข้องเกี่ยวต่อการเกิดโรคตับแข็งรวมทั้งมะเร็งตับ ไวรัสเอปสไตน์บารร์มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งหลังโพรงจมูกหรือมะเร็งต่อมน้ำเหลืองจำพวก Burkitt ไวรัสเอชพีวี (Human Papilloma Virus) เป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิง หรือ โรคมะเร็งช่องปากรวมทั้งคอ  หรือคนที่ถูกใจทานอาหารที่มี พิษ ชื่อ อัลฟาทอกสิล ที่พบจากเชื้อราที่แปดเปื้อนในของกินดังเช่น ถั่วลิสงป่น ฯลฯ ถ้าเกิดรับประทานประจำจะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ แล้วก็หากได้รับทั้งยัง 2 อย่าง โอกาส จะเป็นมะเร็งตับเพิ่มมากขึ้น
ผู้ที่กินอาหารที่มีไขมันสูงบ่อยๆ จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง เต้านม ลำไส้ใหญ่ เยื่อบุมดลูก แล้วก็ต่อมลูกหมาก
คนที่ติดโรคพยาธิใบไม้ตับ และก็รับประทานอาหารที่ใส่ดิน ประสิวเสมอๆ จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งท่อน้ำดีในตับ
ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันผิดพลาดอันเป็นผลมาจากความไม่ปกติจากพันธุกรรมหรือติดโรคเชื้อไวรัส โรคภูมิคุมกันบกพร่อง จะเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคมะเร็งปากมดลูก โรคมะเร็งของเส้นเลือด ฯลฯ
ผู้ที่กินอาหารเค็ม จัด ของกินที่มีส่วนผสมโปตัสเซี่ยมไนเตรดรวมทั้งส่วนไหม้เกรียม ของของกินเป็นประจำจะเสี่ยง ต่อการเป็นมะเร็งกระเพาะ อาหารและลำไส้ใหญ่
คนที่มีประวัติโรคมะเร็งในครอบครัว อาทิ มะเร็งของจอตา มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ และก็มะเร็งลำไส้ใหญ่จำพวกที่ เป็นติ่งเนื้อ เป็นต้น
คนที่ตากแดดจัดเสมอๆจะ เป็นอันตรายจากแสงแดดที่ มีจำนวนของแสงอุลตรา ไวโอเลต หลายชิ้น ส่งผลทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังได้
สัญญาณเตือน 7 ประการ ที่อาจแสดงว่าเป็นอาการของโรคโรคมะเร็ง มีดังนี้

  • มีการเปลี่ยนสำหรับในการอึ เยี่ยว ที่เปลี่ยนไปจากปกติ อาทิเช่น มีเลือดออก ท้องร่วงหรือท้องผูกแตกต่างจากปกติ
  • มีแผลเรื้อรังที่ไม่หาย โดยเป็นเป็นเวลายาวนานมากกว่า 3 อาทิตย์
  • มีเลือดออก หรือมีสารคัดหลั่งออกมาจากรอบๆช่องต่างๆของร่างกายผิดปกติ อาทิเช่น จุกนม, จมูก, ช่องคลอด ทวารหนัก เป็นต้น
  • ลูบคลำพบก้อนที่เต้านม หรือที่อื่นๆของร่างกาย
  • ท้องอืด อาหารไม่ย่อย มีลักษณะอาการเจ็บท้อง กลืนอาหารลำบาก เป็นต้น
  • ไฝหรือจุดเล็กๆตามร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง อาทิเช่น โตขึ้น มีสีแตกต่างจากปกติหรือมีเลือดออก
  • มีลักษณะอาการไอที่แตกต่างจากปกติ เป็นต้นว่า ไอผสมเลือด ไอเรื้อรัง หรือเสียงแหบ
  • แนวทางการรักษาโรคโรคมะเร็ง หมอวินิจฉัยโรคมะเร็งได้จาก ประวัติความเป็นมาอาการต่างๆของคนไข้ การตรวจร่างกาย การตรวจภาพเยื่อรวมทั้งอวัยวะที่มีลักษณะอาการด้วยเอกซเรย์ หรือ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือ เอมอาร์ไอ แต่ว่าที่ให้ผลแน่นอนหมายถึงการตรวจเซลล์จากก้อนเนื้อเพื่อ การตรวจทางเซลล์วิทยา หรือ ตัดชิ้นเนื้อจากก้อนเนื้อเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา


วิธีรักษาโรคมะเร็ง สำหรับในการรักษาโรคโรคมะเร็งนี้หลังจากหมอวินิจฉัยลักษณะของโรคเสร็จแล้ว จะมีการตรวจให้ละเอียดอีกทีว่าเซลล์ของมะเร็งร้ายกระจายไปอยู่ในรอบๆใดของร่างกายบ้าง เมื่อเข้าใจแล้วก็จะรักษาไปตามอาการ โดยโรคมะเร็งแต่ละจำพวกการดูแลและรักษาก็บางครั้งอาจจะแตกต่างออกไปบ้าง แต่ทั้งนี้ก็มีแนวทางที่แพทย์นิยมรักษากันอยู่ เป็น
การผ่าตัด โรคมะเร็งระยะต้นส่วนใหญ่ชอบใช้การผ่าตัดเป็นส่วนมาก เป็นต้นว่า โรคมะเร็งหัวและก็คอ มะเร็งเต้านม โรคมะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยหมอจะกระทำผ่าตัดก่อนเป็นขั้นแรก เพื่อกำจัดก้อนเนื้อร้ายที่อยู่ภายในร่างกายเราออกไป แต่ว่าวิธีการแบบนี้ไม่ได้สามารถทำรักษาได้กับมะเร็งทุกจำพวก แล้วก็การผ่าตัดก็ยังไม่แน่ว่าจะหายขาด หรือเปล่า เพราะว่าเซลล์มะเร็งอาจยังหลงเหลือหรือซ่อนตัวอยู่ภายในร่างกาย โดยบางทีอาจเป็นเซลล์ของโรคมะเร็งที่กำลังเริ่มจะเกิด ทำให้หมอไม่สามารถที่จะรู้หรือสังเกตเห็น เมื่อปล่อยไปสักระยะก็จะกลับไปสู่วังวนเดิม เป็นเริ่มก่อตัวขยายใหญ่ขึ้น ก็จะต้องมาผ่าตัดกันใหม่อีกรอบ แม้กระนั้นส่วนมากกับวิธีการผ่าตัดนี้แพทย์มักชี้แนะให้ทำคีโมหรือเคมีบำบัดร่วมด้วย เพื่อเพิ่มช่องทางที่จะช่วยทำให้หายสนิทจากโรคมะเร็งนี้ได้
การใช้รังสีรักษา เป็นการเปล่งแสงไปยังเซลล์ของโรคมะเร็งภายในร่างกาย เพื่อทำลายกลุ่มเซลล์ของมะเร็งนั้น สำหรับในการเปล่งแสงนี้เป็นการรักษาแบบเฉพาะที่ โดยอาศัยสาเหตุจากจำพวกของโรคมะเร็งที่เป็น ช่วงเวลาที่เกิดโรคมะเร็ง ตลอดจนสุขภาพของคนป่วยเพราะแข็งแรงพอเพียงหรือไม่ ซึ่งถ้าผู้เจ็บป่วยพร้อมก็จะกระทำเปล่งแสงประมาณ 2 – 10 นาที โดยจำเป็นต้องกระทำฉายแสงอาทิตย์ละ 5 วัน รวมราวๆ 5 – 8 สัปดาห์ ขึ้นกับการวิเคราะห์ของแพทย์ แต่ว่าการดูแลรักษาด้วยรังสีรักษานี้จะมีผลให้เป็นผลใกล้กันขึ้น ได้
เคมีบำบัดรักษา (คีโม) สำหรับวิธีนี้ถือว่าเป็นการรักษาอย่างถูกจุด แก้ที่สาเหตุโดยตรงของปัญหา เพราะเหตุว่าเป็นการให้ยาเข้าไปทำลายเซลล์ของมะเร็งทั้งหมดทั้งปวงที่อยู่ในร่างกาย และก็ที่กระจายเข้าไปตามต่อมน้ำเหลืองหรือกระแสเลือดด้วย โดยหมอจะนัดมากระทำการตรวจร่างกายวัดความดันและก็กระทำเจาะเลือด ซึ่งแม้ผลของการตรวจร่างกายผ่าน หมอก็จะให้ไปทำการให้คีโมซึ่งก็เหมือนกับการให้น้ำเกลือทั่วๆไป ก็แค่ต้องนอนรอหลายชั่วโมงจนกระทั่งตัวยาจะหมด แล้วก็ในระหว่างการให้คีโมนี้คนเจ็บบางบุคคลบางทีอาจกำเนิดอาการแพ้ได้ ซึ่งบางทีอาจรู้สึกเวียนหัว คลื่นไส้ หรืออาเจียน รวมทั้งผลกระทบที่ตามมาหลังจากการให้คีโมราวๆ 1 – 2 อาทิตย์ ผมจะเริ่มร่วง รู้สึกอ้วก อ้วก เป็นแผลในปาก และจำนวนเม็ดเลือดต่ำลงทำให้มีความรู้สึกอ่อนแรง ตลอดจนอาจรู้สึกหายใจไม่สะดวก มีผื่นขึ้น ท้องผูกถ่ายไม่ออก หรือมีไข้ เป็นต้น แม้กระนั้นการรักษาด้วยวิธีการแบบนี้ก็มีค่ารักษาที่ค่อนข้างจะแพงเลยแล้วก็ยังจำต้องทำบ่อย ขึ้นกับหมอเป็นผู้วินิจฉัยว่าจำเป็นต้องทำทั้งสิ้นกี่ครั้งจึงจะหายปกติ

  • การติดต่อของโรคมะเร็ง โรคมะเร็งเป็นโรคที่ไม่ติดต่อจากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่งหรือติดต่อจากสัตว์สู่คน แม้กระนั้นโรคมะเร็งบางประเภทอาจมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ เป็นต้นว่า มะเร็งเต้านม หากมีประวัติบุคคลในครอบครัวเคยเป็นโรคนี้ สมาชิกภายในครอบครัวนั้นก็อาจจะมีจังหวะเป็นโรคนี้สูงขึ้นมากยิ่งกว่าคนทั่วไปเล็กน้อย
  • การปฏิบัติตนเมื่อเป็นโรคมะเร็ง


การดูแลตนเองในเรื่องทั่วไป รักษาสุขลักษณะอย่างเคร่งครัด เพราะเป็นช่วงติดเชื้อโรคได้ง่าย พักผ่อนให้เต็มที่ ถ้าอ่อนล้า ควรลาหยุดงาน แต่ว่าถ้าเกิดไม่เหน็ดเหนื่อย ก็สามารถดำเนินการได้ แม้กระนั้นควรจะเป็นงานเบาๆไม่ใช้แรงงาน แล้วก็สมองมาก ทำงานบ้านได้ตามกำลัง งด/เลิก บุหรี่ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
จำกัดเครื่องดื่มกาเฟอีนดังได้กล่าวแล้ว หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่คับแคบเนื่องจากจะติดเชื้อได้ง่าย ยังคงจะต้อง ดูแล รักษา ควบคุมโรคร่วมอื่นๆอย่างสม่ำเสมอร่วมไปด้วยเสมอกับการดูแลรักษาโรคมะเร็ง
รักษาสุขภาพจิต ให้กำลังใจตัวเอง และก็คนรอบข้าง มองโลกในด้านบวกเสมอ พบหมอตามนัดหมายเสมอ เจอหมอก่อนนัดหมาย เมื่ออาการต่างๆชั่วโคตรลง หรือกำเนิดความผิดปกติผิดไปจากเดิม หรือเมื่อวิตกกังวลในอาการ
การดูแลตัวเองในเรื่องอาหาร เมื่อรับประทานอาหารได้น้อย ให้พยายามกินในปริมาณมื้อที่หลายครั้งขึ้น รับประทานครั้งน้อยๆแม้กระนั้นเป็นประจำแต่ยังจำต้องจำกัดขนมหวาน และก็ของกินเค็ม เพราะมีผลต่อน้ำตาลในเลือด แล้วก็แนวทางการทำงานของไต ให้กำลังใจตัวเอง เข้าใจว่า อาหารเป็นตัวยาสำคัญยิ่งตัวยาหนึ่ง ของการดูแลและรักษาโรคมะเร็ง ทดลองปรับเปลี่ยน ชนิดอาหารให้กินได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น ดังเช่นว่า อาหารอ่อน ของกินเหลว แต่ว่าควรจะเลี่ยงอาหารทอด หรือผัด หรือมีกลิ่นรุนแรง เพราะมักกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการคลื่นไส้ อ้วก เตรียมอาหารครั้งละน้อยๆอย่าให้รับประทานเหลือ เพราะเหตุว่าจะได้กำเนิดแรงใจว่ารับประทานหมดทุกมื้อ ควรแจ้งหมอ พยาบาลเมื่อกินไม่ได้ หรือกินได้น้อย และควรจะยอมรับ เมื่อหมอแนะนำการให้อาหารทางสายให้อาหาร การกินอาหารที่เป็นประโยชน์ครบทั้งยัง 5 กลุ่มเป็นสิ่งจำเป็นเป็นอย่างมาก โดยยิ่งไปกว่านั้นอาหารโปรตีน (เป็นต้นว่า เนื้อ นม ไข่ ปลา ตับ) เนื่องจากสำหรับเพื่อการรักษาโรคมะเร็ง ความแข็งแรงของไขกระดูก (เม็ดเลือดต่างๆ) เป็นสิ่งจำเป็นที่สุด เนื่องจากเป็นตัวช่วยทำให้ร่างกายสนองตอบที่ดีต่อรังสีรักษา รวมทั้งยาเคมีบรรเทา และก็ช่วยลดโอกาสติดเชื้อ ซึ่งการตำหนิดเชื้อในขณะกำลังรักษาโรคโรคมะเร็งมักเป็นการติดเชื้อที่ร้ายแรง

  • การคุ้มครองป้องกันตัวเองจากโรคมะเร็ง แนวทางป้องกันโรคมะเร็งที่ดีที่สุดเป็นหลบหลีกสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยง ที่หลีกเลี่ยงได้ ยกตัวอย่างเช่น ทานอาหารมีสาระครบอีกทั้ง 5 กลุ่มทุกๆวัน ในปริมาณที่เหมาะสม คือ ไม่ให้อ้วนหรือ ผอม เกินความจำเป็น โดยจำกัดเนื้อแดง แป้ง น้ำตาล ไขมัน เกลือ แต่เพิ่มผัก ผลไม้ให้มากมายๆและหลีกเลี่ยงอาหารประเภทปิ้งปิ้งที่มีลักษณะไหม้เกรียม ออกกำลังกายให้เหมาะสมกับสุขภาพ สม่ำเสมอ รับการตรวจคัดเลือกกรองโรคมะเร็งเป็นตอนนี้
  • สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครองโรคมะเร็ง สมุนไพรต่อไปนี้ล้วนมีผลการทดสอบที่มีคุณประโยชน์ต่อการรักษาโรคมะเร็ง


ฟ้าทะลายโจร(Andrographis paniculata) ในอินเดียใช้กันมานานรักษาไทฟอยด์ แก้อักเสบ แก้มาเลเรีย กระตุ้นภูมิต้านทาน สารสำคัญเป็น andrographolide สามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้หลายชนิด
บัวบก (Centella asiatica) มีสาร asiaticoside ที่ช่วยให้แผลเรื้อรังหายได้เร็วขึ้น เพิ่มภูมิคุ้มกัน และก็ในบราซิลมีการใช้เพื่อรักษามะเร็งมดลูก
ขมิ้น (Curcuma longa) สารสำคัญคือ curcumin มีฤทธิ์ต้านการอ็อกสิไดส์และต้านการอักเสบที่แรง สามารถก่อให้เกิดการตายของเซลมะเร็งหลายแบบได้แก่ มะเร็งผิวหนัง มะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคมะเร็งกระเพาะ มะเร็งลำไส้เล็ก มะเร็งรังไข่ และยังมีฤทธิ์ต่อต้านไวรัส แบคทีเรียแล้วก็ราอีกด้วย
ว่านหางจรเข้ (Aloe vera) มีสาร aloe-emodin ที่กระตุ้น macrophage ให้กำจัดเซล์ลมะเร็ง แล้วก็ยังมี acemannan ช่วยกระตุ้นภูมิต้านทาน ว่านหางจรเข้ช่วยกระตุ้นการเจริญก้าวหน้าของเซลล์ธรรมดาและยั้งการเจริญของเซลล์ของมะเร็ง
ทุเรียนเทศ (Anona muricata) สาร acetogenin จากผลทำให้เซลล์ของมะเร็งตายได้
ดีปลี (Piper longum) มี piperine ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอ็อกสิไดส์อีกทั้ง in vitro รวมทั้ง in vivo ก็เลยเป็นองค์ประกอบของตำรับยารักษาโรคมะเร็งของอายุรเวท
บอระเพ็ด (Tinospora cordifolia) สารสำคัญจากบอระเพ็ดกระตุ้นภูมิต้านทานโดยการเพิ่มระดับเม็ดเลือดขาว รวมทั้งสามารถลดขนาดเนื้องอกได้ 58.8% เทียบเท่า cyclophosphamide
เอกสารอ้างอิง

  • เอกสารเผยแพร่ทำความรู้จักกับโรคมะเร็งกับเถอะ.มะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย.พิมพ์ครั้งที่ 1.59 หน้า.
  • Khuhaprema, T., Srivatanakul, P., Attasara, P., Sriplung, H., Wiangnon,S., and Sumitsawan, Y. (2010). Cancer in Thailand. Volume IV, 2001--2003. National Cancer Institute. Thailand
  • สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ.http://www.disthai.com/
  • สาเหตุและการป้องกันภัยร้ายจากมะเร็ง.นิตยสารออนไลน์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก.
  • ศ.นพ.ไพรัช เทพมงคล.มะเร็ง.นิตยสารหมอชาวบ้าน,เล่มที่30.คอลัมน์โรคน่ารู้.ตุลาคม.2524
  • Kushi, L. et al. (2006). American Cancer Society Guidelines on nutrition and physical activity for cancer prevention: reducing the risk of cancer withy food choices and physical activity. CA Cancer J Clin. 56, 254-281.
  • ความรู้เรื่องโรคมะเร็ง.หน่วยสารสนเทศมะเร็ง คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
  • DeVita, V., Hellman, S., and Rosenberg, S. (2005). Cancer: principles& practice of oncology (7th edition). New York: Lippincott Williams & Wilkins.
  • Thomas, R., and Davies, N. (2007). Lifestyle during and after cancer treatment. Clinical Oncology. 19, 616-627.
  • Haffty, B., and Wilson, L. (2009). Handbook of radiation oncology: basic principles and clinical protocols. Boston: Jones and Bartlett Publishers
  • รศ.ดร.อ้อมบุญ วัลลิสุต.บทความเ

 

Sitemap 1 2 3